หมวดที่ ๕ สภาพแวดล้อมและความปลอดภัย

๕.๑ อากาศในสำนักงาน

๕.๒ แสงในสำนักงาน

๕.๓ เสียง

๕.๔ ความน่าอยู่

๕.๕ การเตรียมพร้อมต่อสภาวะฉุกเฉิน

 

หัวข้อผลการดำเนินงานไฟล์หลักฐาน
๕.๑.๑ การควบคุมมลพิษทางอากาศ ในสำนักงาน
(๑) มีแผนการดูแลบำรุงรักษา ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องถ่าย เอกสาร เครื่องพิมพ์เอกสาร (Printer) ม่าน มูลี่ พรมปูพื้นห้อง (ขึ้นอยู่กับสำนักงาน)
(๒) มีการกำหนดความถี่ หน้าที่ความ รับผิดช อบตามแผนการดูแล บำรุงรักษา
(๓) มีผลการปฏิบัติตามแผนที่กำหนดใน ข้อ 1
(๔) มีการควบคุมมลพิษทางอากาศจาก การปฏิบัติในข้อ 1
(๕) การจัดวางเครื่องพิมพ์เอกสาร เครื่องถ่ายเอกสาร (Printer) ให้ ห่างไกลผู้ปฏิบัติงาน
(๖) การควบคุมควันไอเสียรถยนต์ บริเวณสำนักงาน เช่น ติดป้ายดับ เครื่องยนต์(๗) การป้องกันอันตรายจากการพ่นยา กำจัดแมลง (ถ้ามี)
(๘) มีการสื่อสารหรือแจ้งให้ทราบถึงการ เกิดมลพิษทางอากาศจากกิจกรรม ต่างๆ เพื่อการเตรียมความพร้อม และระวังการได้รับอันตราย
(สามารถพิจารณาจากเอกสารหรือ ภาพถ่ายเป็นหลักฐานประกอบ)คำอธิบาย
  
๕.๑.๒ มีการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่หรือมี การกำหนดพื้นที่สูบบุหรี่ที่เหมาะสม และปฏิบัติตามที่กำหนด
(๑) มีการรณรงค์การไม่สูบบุหรี่ และมี การสื่อสารเกี่ยวกับอันตรายพิษภัย จากการสูบบุหรี่
(๒) มีการติดสัญลักษณ์เขตปลอดบุหรี่ (๓) มีการติดสัญลักษณ์เขตสูบบุหรี่ (๔) กำหนดเขตสูบบุหรี่ของหน่วยงาน
และมีการจัดการก้นบุหรี่ โดยเขตสูบ บุหรี่จะต้องไม่อยู่ในบริเวณที่ ก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ ประชาชนที่อยู่บริเวณข้างเคียง และ ไม่อยู่ในบริเวณทางเข้า – ออกของ สถานที่ที่ให้มีการคุ้มครองสุขภาพ ของผู้ไม่สูบบุหรี่ และไม่อยู่ในบริเวณ ที่เปิดเผยอันเป็นที่เห็นได้ชัดแก่ผู้มา ใช้สถานที่นั้น(๕) ไม่พบการสูบบุหรี่ หรือก้นบุหรี่นอก เขตสูบบุหรี่
(กรณีหน่วยงานเป็นสถานที่ห้ามสูบบุหรี่ ไม่ต้องดำเนินการข้อ (3) – (4) และ จะต้องไม่พบการสูบบุหรี่ หรือก้นบุหรี่ ตามข้อ (5))คำอธิบาย
  
๕.๑.๓ การจัดการมลพิษทางอากาศ จากการก่อสร้าง ปรับปรุง อาคารหรือ อื่นๆ ในสำนักงานที่ส่งผลต่อบุคลากร (๑) กำหนดมาตรการรองรับเพื่อจัดการ
มลพิษทางอากาศจากการก่อสร้าง ปรับปรุงอาคาร
(๒) ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดใน ข้อ (๑)
แนวทางการกำหนดมาตรการมีดังนี้ – มีพื้นที่ทำงานสำรองให้กับ บุคลากร
– มีที่กั้นเพื่อป้องกันมลพิษทาง อากาศที่จะส่งผลกระทบกับบุคลากร หรือผู้ที่เกี่ยวข้อง
– มีการสื่อสารหรือติดป้ายแจ้งเตือน เพื่อการเตรียมความพร้อมและระวังการ ได้รับอันตรายคำอธิบาย
  

๕.๒ แสงในสำนักงาน

๕.๒.๑ มีการตรวจวัดความเข้มของ แสงสว่าง (โดยอุปกรณ์การตรวจวัด ความเข้มของแสงสว่างที่ได้มาตรฐาน) และดำเนินการแก้ไขตามที่มาตรฐาน กำหนด
(๑) มีการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง ประจำปี พร้อมแสดงหลักฐานผล การตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง เฉพาะจุดทำงานและพื้นที่ทำงาน
(๒) เครื่องวัดความเข้มของแสงสว่าง จะต้องมีมาตรฐานและได้รับการ สอบเทียบ (แสดงหลักฐานใบรับรอง)
(๓) ผลการตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานกฎหมาย กำหนด
(๔) ผู้ที่ตรวจวัดความเข้มของแสงสว่าง จะต้องเป็นผู้ที่สามารถใช้เครื่องมือ ได้อย่างถูกต้อง หรือเป็นไปตามที่ กฎหมายกำหนด
(๕) หลักฐานภาพประกอบการตรวจวัด ความเข้มของแสงสว่างเฉพาะจุด ทำงานและพื้นที่ทำงาน

คำอธิบาย
1. กรณีสำนักงานอยู่ภายใต้การกำกับของกระทรวงแรงงาน เช่น หน่วยงานเอกชน รัฐวิสาหกิจ เป็นต้น จะต้องดำเนินการตามประกาศกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการตรวจวัด และการวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับความร้อน แสงสว่าง หรือเสียง รวมทั้งระยะเวลา และประเภทกิจการที่ต้องดำเนินการ ๒๕๖๑
2. สำนักงานที่ไม่อยู่ภายใต้กระทรวงแรงงาน เช่น หน่วยงานราชการ สถาบันศึกษา เป็นต้น ไม่ต้อง รายงานผลการตรวจวัดความเข้มแสงสว่างไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด แต่จะต้อง ปฏิบัติตามเกณฑ์สำนักงานสีเขียว ตัวชี้วัด 5.2 ให้ครบถ้วน

 

  

๕.๓ เสียง

๕.๓.๑ การควบคุมมลพิษทางเสียง ภายในอาคารสำนักงาน
(๑) กำหนดมาตรการรองรับเพื่อจัดการ เสียงดังที่มาจากภายในสำนักงาน
(๒) ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดใน ข้อ (๑) ถ้าพบว่ามีเสียงดังที่มาจาก ภายในสำนักงาน

คำอธิบาย

  

๕.๓.๒ การจัดการเสียงดังจากการ ก่อสร้าง ปรับปรุง อาคารหรืออื่นๆ ใน สำนักงานที่ส่งผลต่อบุคลากร

(๑) กำหนดมาตรการรองรับเพื่อจัดการ เสียงดังที่เกิดจากการก่อสร้าง ปรับปรุงอาคาร
(๒) ปฏิบัติตามมาตรการที่ได้กำหนดใน ข้อ (๑)
แนวทางการกำหนดมาตรการมีดังนี้ – มีพื้นที่ทำงานสำรองให้กับ บุคลากร
– มีการสื่อสารหรือติดป้ายแจ้ง เตือน เพื่อการเตรียมความพร้อม และระวังการได้รับอันตราย

คำอธิบาย

  

๕.๔ ความน่าอยู่

๕.๔.๑ มีการวางแผนจัดการความน่า อยู่ของสำนักงานโดยจะต้องดำเนินการ ดังนี้
(๑) จัดทำแผนผังของสำนักงานทั้งในตัว อาคารและนอกอาคาร โดยจะต้อง กำหนดพื้นที่ใช้งานอย่างชัดเจน เช่น พื้นที่ทำงาน ห้องประชุม พื้นที่ ส่วนรวม พื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่สีเขียว เป็นต้น โดยจะต้องมี
การสื่อสารด้วยป้ายหรืออื่นๆ ที่ เหมาะสมเพื่อบ่งชี้
(๒) มีการกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบ อย่างเหมาะสมทั้งพื้นที่เฉพาะ และ พื้นที่ทั่วไป ทั้งในอาคารและนอกอาคาร
(๓) มีการกำหนดเวลาในการดูแลรักษา ความสะอาดและความเป็นระเบียบ เรียบร้อย ทั้งพื้นที่เฉพาะ และพื้นที่ ทั่วไป ทั้งในอาคารและนอกอาคาร เช่น 5ส Big cleaning Day

(๔) มีแผนการเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายใน อาคารหรือบริเวณโดยรอบอาคาร หรือคงรักษาไว้ ตามบริบทของหน่วยงาน และมีการปฏิบัติจริงตามแผน

คำอธิบาย

  

๕.๔.๒ ร้อยละการใช้สอยพื้นที่เป็นไป ตามวัตถุประสงค์ที่สำนักงานกำหนด

คำอธิบาย
การใช้สอยพื้นที่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ หมายถึง พื้นที่ที่สำนักงานกำหนดขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ด้านใดด้าน หนึ่ง และได้มีการใช้พื้นที่ดังกล่าวตามที่ได้กำหนดจริง โดยไม่มีสิ่งอื่นมาเกี่ยวข้อง

  

๕.๔.๓ ร้อยละการดูแลบำรุงรักษา พื้นที่ต่างๆ เช่น พื้นที่สีเขียว พื้นที่ พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่ส่วนกลาง และ พื้นที่ทำงาน เป็นต้น

คำอธิบาย
๑. พื้นที่สีเขียว สามารถประยุกต์ใช้ให้เข้ากับสำนักงาน เช่น การทำสวนแนวดิ่งกรณีที่ไม่มีพื้นที่สำหรับ ปลูกต้นไม้จากพื้นดิน การปลูกไม้กระถางบริเวณด้านนอกสำนักงานหรือระเบียงทางเดินนอกห้อง ทำงาน
๒. ในการพิจารณาจะต้องดูถึงความสะอาดและความเป็นระเบียบร่วมด้วย

  
๕.๔.๔ มีการควบคุมสัตว์พาหะนำโรค และดำเนินการได้ตามที่กำหนด
(๑) มีการกำหนดแนวทางการป้องกัน สัตว์พาหะนำโรคในสำนักงานอย่าง เหมาะสม ได้แก่ นกพิราบ หนู แมลงสาบ และอื่นๆ
(๒) ม ี ก า ร ก ำ ห น ด ค ว า ม ถ ี ่ ใ น ก า ร ตรวจสอบร่องรอยสัตว์พาหะนำโรค อย่างน้อยที่สุดเดือนละ ๑ ครั้ง
(๓) มีการตรวจสอบร่องรอยตามความถี่ ที่ได้กำหนด (เฉพาะตอนกลางวัน) (๔) มีแนวทางที่เหมาะสมกับการจัดการ เมื่อพบร่องรอยสัตว์พาหะนำโรค
(๕) ไม่พบร่องรอยหรือสัตว์พาหะนำโรค ในระหว่างการตรวจประเมิน
หมายเหตุการควบคุมสัตว์พาหะนำโรค สำนักงานสามารถควบคุมและจัดการได้ เอง หรือว่าจ้างหน่วยงานเฉพาะมา ดำเนินการแทนคำอธิบาย
  

๕.๕ การเตรียมพร้อมต่อสภาวะฉุกเฉิน

๕.๕.๑ การอบรมฝึกซ้อมดับเพลิงและ อพยพหนีไฟตามแผนที่กำหนด
(๑) มีการกำหนดแผนการฝึกอบรมและ อพยพหนีไฟ
(๒) จำนวนบุคลากรเข้าอบรมฝึกซ้อม ดับเพลิงขั้นต้น จะต้องไม่น้อยกว่า ร้อยละ ๔๐ ของบุคลากรแต่ละ แผนกหรือส่วนงาน
(๓) บุคลากรทุกคนจะต้องเข้าฝึกซ้อม อพยพหนีไฟ อย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง (พิจารณาบุคลากรหรือผู้ปฏิบัติงาน ทุกคนที่อยู่ประจำพื้นที่สำนักงานที่มี การฝึกซ้อมเท่านั้น)
(๔) มีการอบรมดับเพลิงขั้นต้นตามแผน ที่กำหนด พร้อมแสดงหลักฐาน ได้แก่ รายงานสรุปการอบรม ภ าพถ ่ ายว ิ ทยากรขณะอบรม ใบรับรองการอบรม (ถ้ามี)
(๕) มีการฝึกซ้อมอพยพตามแผนที่ กำหนด พร้อมแสดงหลักฐาน ได้แก่ ภาพถ่ายการอบรม ภาพถ่ายขณะ ซ้อมอพยพ
(๖) มีการกำหนดจุดรวมพลที่สามารถ รองรับได้ พร้อมมีป้ายแสดงอย่าง ชัดเจน
(๗) มีการกำหนดเส้นทางหนีไฟ ธงนำ ทางหนีไฟ ไปยังจุดรวมพล พร้อม สื่อสารในพื้นที่ปฏิบัติงาน
(๘) มีการกำหนดทางออกฉุกเฉิน ทาง หนีไฟ พร้อมมีป้ายแสดงอย่าง ชัดเจน

คำอธิบาย

  
๕.๕.๒ มีแผนฉุกเฉินที่เป็นปัจจุบันและ เหมาะสม และร้อยละของบุคลากรที่ เข้าใจแผนฉุกเฉิน
(สุ่มสอบถามอย่างน้อย ๔ คน)
(๑) มีการจัดทำแผนฉุกเฉินที่เป็น ปัจจุบันและเหมาะสม
(๒) บุคลากรเข้าใจแผนฉุกเฉินและ อธิบายรายละเอียดได้คำอธิบาย
แผนฉุกเฉินจะต้องประกอบไปด้วย
1. ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้แก่ แผนการอบรมป้องกันและระงับอัคคีภัย แผนรณรงค์ป้องกันอัคคีภัย แผนการตรวจตราเพื่อป้องกันอัคคีภัย
2. ขณะเหตุเพลิงไหม้ ได้แก่ แผนระงับอัคคีภัย แผนอพยพหนีไฟ
3. หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ ได้แก่ แผนบรรเทาทุกข์ แผนปฏิรูปฟื้นฟู
  
๕.๕.๓ ความเพียงพอและการพร้อมใช้ งานของอุปกรณ์ระบบดับเพลิงและ ป้องกันอัคคีภัย และระบบสัญญาณแจ้ง เหตุเพลิงไหม้ และร้อยละของบุคลากร ทราบวิธีการใช้และตรวจสอบอุปกรณ์ ดังกล่าว (สุ่มสอบถามอย่างน้อย ๔ คน) (๑) มีการติดตั้งและเตรียมอุปกรณ์ ดับเพลิง
– ถังดับเพลิงมีเพียงพอต่อการใช้ งาน (กำหนดระยะห่าง อย่าง
น้อย ๒๐ เมตร/ถัง ตามกฎหมาย
ติดตั้งสูงจากพื้นไม่เกิน ๑๕๐
เซนติเมตรนับจากคันบีบ และ
ถ้าเป็นวางกับพื้นจะต้องมี
ฐานรองรับ) พร้อมกับติดป้าย
แสดง
– ติดตั้งระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง (ถ้ามี)
– สายฉีดน้ำดับเพลิงและตู้เก็บสายฉีด (Hose and Hose Station)
(ถ้ามี)
(๒) ติดตั้งระบบสัญญาณแจ้งเตือนและ ต้องพร้อมใช้งาน- สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (พื้นที่มากกว่า ๓๐๐ ตารางเมตร หรืออาคารสูงเกิน ๒ ชั้นขึ้นไป)
– ติดตั้งตัวดักจับควัน(smoke detector)หรือตัวตรวจจับความร้อน
(heat detector)
(๓) มีการตรวจสอบข้อ (๑) – (๒) และ หากพบว่าชำรุดจะต้องดำเนินการ แจ้งซ่อมและแก้ไข
(๔) จัดทำแผนผังแสดงตำแหน่งของ อุปกรณ์ดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัย และสัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้
(๕) บุคลากรจะต้องเข้าใจถึงวิธีการใช้ และตรวจสอบอุปกรณ์ดับเพลิงและ สัญญาณแจ้งเตือน อย่างน้อยร้อยละ ๗๕ จากที่สุ่มสอบถาม
(๖) ไม่มีสิ่งกีดขวางอุปกรณ์ดับเพลิง และ สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้

คำอธิบาย
ความถี่ในการตรวจสอบอุปกรณ์ดับเพลิงและป้องกันอัคคีภัย
๑. ถังดับเพลิงตรวจสอบทั่วไปเดือนละ ๑ ครั้ง ได้แก่ ชนิดของถังดับเพลิง สิ่งกีดขวาง ความดัน สภาพ ชำรุดเสียหาย
๒. สัญญาณแจ้งเหตุเพลิงไหม้ (Fire alarm) ปีละ ๑ ครั้ง
๓. ติดตั้งตัวดักจับควัน (Smoke detector) หรือตัวตรวจจับความร้อน (Heat detector) ปีละ ๑ ครั้ง

๔. ระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง (ดีเซล) สัปดาห์ละ ๑ ครั้ง
๕. ระบบเครื่องสูบน้ำดับเพลิง (มอเตอร์ไฟฟ้า) เดือนละ ๑ ครั้ง
๖. สายฉีดน้ำดับเพลิงและตู้เก็บสายฉีด (Hose and Hose Station) เดือนละ ๑ ครั้ง

 

  

สำนักหอสมุดกลาง มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
114 สุขุมวิท 23 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
อีเมล : asklibrarian@g.swu.ac.th
โทรศัพท์ :  มือถือ 063-801-3030
แฟกซ์: 02 2604514

© 2025 SWU Central Library